เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555 ณ โรงแรมเจบีหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กล่าวเปิดเผยว่า ในวันนี้เป็นครั้งที่สี่ในการจัดทำประชาคมภายใต้กรอบการจัดตั้งกองทุนฯ ซึ่งมีผู้แทนจากหลายภาคส่วนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เช่น สส.ผุสดี ตามไท สส.นาที รัชกิจประการ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและยะลา และผู้แทนกลุ่มองค์กรสตรีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมการประชุม โดยผู้เข้าร่วมประชุมได้สะท้อนปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาศักยภาพของผู้หญิงในพื้นที่ และข้อเสนอแนะโครงการที่น่าสนใจ เช่น สมาคมสตรีมุสลิม (มุสลิมมะห์) ซึ่งเป็นกลุ่มสตรีในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องการส่งเสริมให้สตรีที่สูญเสียสามีหรือผู้นำครอบครัวจากเหตุความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้มีรายได้เพิ่มขึ้นโดยการประกอบอาชีพเสริม โดยทางกลุ่มมองเงินสนับสนุนที่ได้จากกองทุนจะสามารถช่วยเสริมการผลิตโรตีกรอบ และการผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นมุสลิม ทั้งด้านบรรจุภัณฑ์และช่องทางการตลาด ที่มีโอกาสส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่สอดรับกับแนวคิดของกองทุนสตรีที่จะเป็นช่องทางที่สำคัญอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการประกอบอาชีพและเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มผู้หญิงที่มีศักยภาพในแต่ละพื้นที่อย่างทั่วถึง
ความคืบหน้าของการรับสมัครสมาชิกกองทุนฯ เพื่อสรรหาคณะกรรมการในระดับภูมิภาคนั้น หลังจากที่เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกแล้วเป็นจำนวนมากกว่า 1,700,000 คน จากทุกภาคของประเทศ ซึ่งถือเป็นสัญญาณตอบรับที่ดี ทำให้คณะกรรมการฯ ตัดสินใจขยายกำหนดเวลาลงทะเบียนสมาชิกฯ ให้กับผู้ที่สนใจสมัครเป็นคณะกรรมการฯ ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2555 เพื่อเปิดโอกาสให้สตรีจากกลุ่มต่างๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณากองทุนฯ อย่างทั่วถึง โดยใช้ 4 ช่องทางหลัก คือ
1) ที่ทำการหมู่บ้าน
2) กศน.ตำบล/ กศน.เขต
3) พม.จังหวัด
4) เว็บไซต์ www.womenfund.thaigov.go.th
ส่วนข้อสงสัยในเรื่องการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนั้น นางนลินีกล่าวชี้แจงว่า แนวคิดการจัดตั้งกองทุนฯ ได้ต่อยอดมาจากความสำเร็จของกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งผ่านมาเกือบ 10 ปี เงินหมุนเวียนของกองทุนจากที่รัฐบาลจัดสรรไว้ให้ประมาณ 98,000 ล้านบาทในช่วงเริ่มต้น ปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นถึงกว่า 160,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 40 ดังนั้นแนวคิดในการบริหารกองทุนฯ ของรัฐบาล จึงใช้แนวทางการบริหารแบบเดียวกันกับกองทุนหมู่บ้าน โดยระยะแรกคือการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อเริ่มดำเนินโครงการ แต่ต่อไปก็จะออกพระราชบัญญัติกองทุนฯ เช่นเดียวกับ พรบ. กองทุนหมู่บ้าน เพื่อจัดสรรเงินกองทุนที่เบิกจ่ายมาจากงบประมาณประจำปี 7,700 ล้าน
นางนลินีกล่าวสรุปว่า หลังจากวันนี้ที่มีการทำประชาคมที่หาดใหญ่แล้ว จังหวัดต่อไปที่จะดำเนินการ ได้แก่จังหวัดอุดรธานี ที่จะเริ่มในช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งจะถือเป็นจังหวัดสุดท้ายในการจัดทำประชาคม ก่อนที่จะมีการคัดเลือกคณะกรรมการระดับภูมิภาคต่อไป
สำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
กรมการพัฒนาชุมชน ชั้น ๓ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
งานยุทธศาสตร์และแผนงาน 02-1413092 งานอำนวยการ/บุคคล 02-1413088 งานการเงินและบัญชี 02-1413077 งานกฏหมาย 02-1413056 งานเครือข่ายสัมพันธ์ 02-1413095 งานพัฒนาระบบเทคโนโลยี 02-1416537
สำนักงานเลขานุการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีกรุงเทพมหานคร 02-1413096 | This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ดำเนินการโดย สำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน |