สตรีอาเซียนกับความพร้อมในการเข้าสู่ AEC (15/6/2012)
นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมสัมมนาวิชาการ “เดินหน้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2558 การเตรียมความพร้อมและความร่วมมือของผู้หญิงอาเซียน” ย้ำรัฐบาลไทยได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีขึ้นเพื่อพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2555 คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา โดยคณะอนุกรรมาธิการด้านสตรี ร่วมกับ มูลนิธิฟรีดริชเนามัน (ประเทศไทย) ได้จัดสัมมนาวิชาการ “เดินหน้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2558 การเตรียมความพร้อมและความร่วมมือของผู้หญิงอาเซียน” ณ อาคารรัฐสภา 2 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายสำคัญที่จะส่งผลต่อสตรีของอาเซียน โดยผู้นำสตรีและนักการเมืองสตรีในภูมิภาคอาเซียน และนำไปสู่การกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาศักยภาพ สถานภาพ และบทบาทสตรีไทย
จุดเด่นสำคัญของการสัมมนาครั้งนี้ คือการเปิดเวทีอภิปรายเรื่องปัญหาและโอกาสความพร้อมของสตรีสู่ประชาคมอาเซียน พ.ศ.2558 โดยมีผู้ร่วมอภิปรายคือ ดร.นลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี Ms.Maria Isabella Beng Climaco รองประธานรัฐสภาฟิลิปปินส์ Ms. Nan Wah Nu สส.พรรคประชาธิปัตย์พม่า Mrs. Jaslyn Go สส.พรรคประชาธิปัตย์ สิงคโปร์ Mr. Chia Ting Ting หัวหน้ากลุ่มเยาวชนสตรี พรรคเกรากาน รักยัต มาเลเซีย Mr. Kem Sokha หัวหน้าพรรคสิทธิมนุษยชน กัมพูชา และ Ms. Le Mai Huong ผู้แทนสถานทูตเวียดนาม
ดร.นลินี ทวีสิน กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นที่ประจักษ์ว่าผู้หญิงมีศักยภาพไม่ด้อยกว่าผู้ชาย โดยเห็นได้จากการที่ผู้หญิงประสบความสำเร็จและมีบทบาทสำคัญอยู่แวดวงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวงการนักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน นักการเมือง หรือผู้นำทางจิตวิญญาณ ซึ่งมีส่วนช่วยเหลือและอุทิศตนเพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้นแก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้หญิงจะมีบทบาทมากขึ้น แต่ก็มีสิ่งท้าทายที่จะต้องพัฒนาต่อไปก็คือ การให้อำนาจเพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง และการปกป้องดูแลพิทักษ์สิทธิของผู้หญิง ขณะนี้รัฐบาลไทยได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีขึ้นเพื่อพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง โดยเป็นแหล่งเงินทุนในการสร้างงาน สร้างอาชีพ ฝึกอบรม และช่วยเหลือเยียวยาผู้หญิงที่ได้รับความเดือดร้อน เช่น แม่สามารถใช้เงินจากกองทุนนี้เพื่อเรียนรู้ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการแจก Tablet ให้แก่เด็กด้วย
Mrs. Jaslyn Go จากสิงคโปร์ ระบุว่า การส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงและชายยังคงจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รัฐธรรมนูญของสิงคโปร์ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความเท่าเทียม เช่น การขจัดการกีดกันทางเพศ แต่สิงคโปร์ยังขาดผู้นำที่เป็นผู้หญิงโดยเฉพาะในวงการการเมือง ขณะที่ภาคธุรกิจมีผู้นำสตรีเป็นจำนวนมาก
ด้าน Mr. Kem Sokha และ Ms. Nan Wah Nu ผู้แทนจากกัมพูชาและพม่า มีความเห็นตรงกันว่า การที่ผู้หญิงไม่มีบทบาทในสังคมเพราะขาดการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างผู้หญิงด้วยกันโดยเฉพาะในระดับรากหญ้า ขณะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนว่ามีผลต่อตนเองอย่างไร จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ชายจะต้องทำงานร่วมกับองค์กรผู้หญิงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความรู้แก่ผู้หญิงอย่างทั่วถึง
ส่วน Mr. Chia Ting Ting จากมาเลเซีย ยอมรับว่า ผู้หญิงในมาเลเซียถูกมองเป็นพลเมืองชั้นสอง แต่จริง ๆ แล้ว เรามีผู้นำสตรีในหลายประเทศ เช่น ประเทศไทย อินเดีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากผู้ที่มีความพร้อมและมีการศึกษาสูง ดังนั้น ทำอย่างไรจึงจะส่งเสริมให้สตรีในชนบทมีการศึกษาและมีโอกาสในสังคมมากขึ้น
………………………….
อิทธิเดช สุพงษ์
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : http://fnfthailand.org/node/354
สำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
กรมการพัฒนาชุมชน ชั้น ๓ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
งานยุทธศาสตร์และแผนงาน 02-1413092 งานอำนวยการ/บุคคล 02-1413088 งานการเงินและบัญชี 02-1413077 งานกฏหมาย 02-1413056 งานเครือข่ายสัมพันธ์ 02-1413095 งานพัฒนาระบบเทคโนโลยี 02-1416537
สำนักงานเลขานุการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีกรุงเทพมหานคร 02-1413096 | This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ดำเนินการโดย สำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน |