วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น.
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้ นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ครั้งที่ 6/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ Zoom Cloud Meetings) เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน มีการระบาดของโรค COVID-19 เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้เข้าร่วมการประชุม ลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรค โดยมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้แทนจากกระทรวงการคลัง (นางสาวสุณีย์ มงคลเลิศพาณิช) ด้านการบริหารงานกองทุนชุมชน (นางสุนีย์ บุตรเนียร) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาสตรีและองค์กรสตรี (นางพรทิพย์ ตั้งกีรติ) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการธุรกิจและองค์กร (นางสลักจฤฏดิ์ ติยะไพรัช) และนางทรงลักษณ์ วรภัย ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานกองทุนฯ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง ณ ห้องประชุม 5001 ชั้น 5 กรมการพัฒนาชุมชน
นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า เท่าที่ผ่านมาในการขับเคลื่อนงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จะเห็นได้อย่างชัดเจน ทุกท่านมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ แม้เจออุปสรรคสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็สามารถขับเคลื่อนงานเพื่อพี่น้องประชาชนได้ และขอขอบพระคุณทุกท่านที่เป็นแรงกำลังในขับเคลื่อนงาน โดยเฉพาะ การบริหารจัดการหนี้ของจังหวัด ขอชื่นชมจังหวัดที่มีการบริหารจัดการหนี้ได้ดี โดยเงินทุนหมุนเวียนที่จัดสรรไป ขอให้พื้นที่เร่งรัดติดตามสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานการบริหารจัดการหนี้ ให้เหลือน้อยที่สุด และในส่วนของงบประมาณการบริหารไม่สอดคล้องกับการเบิกจ่ายในปี 2564 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์
นางทรงลักษณ์ วรภัย ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ผลการเบิกจ่ายย้อนหลัง 6 เดือน เพื่อดูพัฒนาการของการขับเคลื่อนงานของจังหวัด สนับสนุนติดตามการดำเนินงานของจังหวัด ให้ผลการเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อเป็นตัวอย่างของการเบิกจ่ายได้ดีใน 10 อันดับแรก ด้านการบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สามารถบริหารจัดการหนี้ที่มีหนี้เกินกำหนดชำระเหลือเพียง 13.39% ของหนี้คงเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2564) โดยผลการบริหารจัดการหนี้ของจังหวัดแยกตามช่วงร้อยละหนี้เกินกำหนดชำระจัดได้ ต่ำกว่าร้อยละ 5 จำนวน 16 จังหวัด และในส่วนเกินกำหนดมากกว่าร้อยละ 20 จำนวน 14 จังหวัด ซึ่งจังหวัดหนองคาย มีรูปแบบการจัดการหนี้ที่ดี สามารถบริหารจัดการหนี้เหลือเพียง 0.26% ของหนี้คงเหลือ โดย
1. วิเคราะห์ปัญหาสถานการณ์หนี้และสถานะลูกหนี้ 2556-ปัจจุบัน
2. จัดทำฐานลูกหนี้ รายอำเภอ และรายตำบล “1 ดี 5 ร” ดังนี้
1 ดี : ลูกหนี้ไม่ผิดนัด ชำระตามงวด
ร 1 : เร่งรัดอันดับ 1 ลูกหนี้ไม่แจ้งความประสงค์ชำระหนี้
ร 2 : เร่งรัดอันดับ 2 ลูกหนี้แจ้งความประสงค์แต่ยังไม่ชำระหนี้
ร 3 : เร่งรัดอันดับ 3 ลูกหนี้ชำระหนี้บางส่วน
ร 4 : เร่งรัดอันดับ 4 ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว รอตัดโอนออกจากระบบ
ร 5 : เร่งรัดอันดับ 5 ลผูกหนี้ชำระหนี้ครบ ค้างชำระเฉพาะดอกเบี้ย/ค่าปรับ
3. ประชุมสร้างความเข้าใจคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล/เทศบาล เพื่อซักซ้อมแนวทางการติดตามหนี้ในระดับพื้นที่
4. จัดตั้งกลุ่มไลน์คณะทำงานคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล/เทศบาล ในการติดตามหนี้ระดับพื้นที่ตำบล หมู่บ้าน
5. คณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล/เทศบาล มีบทบาทขับเคลื่อนงานในพื้นที่ทุกกระบวนการ ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนงานในพื้นที่สามารถเข้าถึงตัวลูกหนี้
6. วางแผนติดตามหนี้และพื้นที่เป้าหมายลุกหนี้ตามทะเบียนลูกหนี้ 1 ดี 5 ร รายเดือน
7. ส่งมอบแฟ้มทะเบียนลูกหนี้ให้คนในพื้นที่
รวมถึงเรื่อง มาตรการชั่วคราว พักชำระหนี้ให้แก่สมาชิกลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 13) โดยลูกหนี้ที่มีกำหนดชำระเงินตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2564 และไม่เคยพักชำระหนี้ เข้าร่วมพักชำระหนี้ฯ โดยมีอายุบังคับ 30 วัน ตามประกาศตั้งแต่ 22 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา พบว่า มีลูกหนี้ที่มาเข้าร่วมมาตรการจำนวน 451 โครงการ รวมเป็นเงิน 48,117,552.45 บาท
การพิจารณาเห็นชอบ ตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยและอัตราดอกเบี้ยผิดนัดกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ 4) จำนวน 7 จังหวัด (จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรปราการ ตาก สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ชุมพร และกรุงเทพมหานคร) รวมทั้งสิ้น 35 โครงการ เป็นจำนวนเงิน 3,628,097.26 บาท
อีกทั้ง นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเพิ่มเติมว่า ท้ายนี้ขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ฝากให้มีการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อขับเคลื่อนงานอีกครั้ง และสร้างแนวทางการขับเคลื่อนงาน โดยจัดทำทะเบียนลูกหนี้ และทำงบประเงินประจำทุกเดือน โดยให้ลงพื้นที่ติดตามอย่างต่อเนื่อง หากในพื้นที่ไหนไม่สามารถลงพื้นที่ได้ ก็ให้จัดการประชุม ZOOM เพื่อพี่น้องสตรีได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป
สำนักงาน อกส.กทม ..ข้อมูล/ภาพถ่าย/รายงาน...